ประเภทจักรยาน ท้าทาย
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขี่จักรยาน คงจะมีจักรยานคู่ใจกันอยู่แล้วทุกคน ซึ่งจักรยานนั้นก็มีวิวัฒนาการมายาวนาน แต่จักรยานนั้นก็มีการแบ่งเป็นหลายประเภทด้วยกันขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพแวดล้อมของการแข่งขันที่แตกต่างกัน โดยนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จักรยาน มีการแบ่งออกเป็นทั้งหมด 12 ประเภทด้วยกัน ซึ่งแต่ละประเภทจะมีอะไรกันบ้างนั้น ไปติดตามกันได้เลย ประเภทจักรยาน ท้าทาย
1.จักรยานเสือภูเขา – จักรยานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สำหรับผู้ที่ชอบขี่แบบสมบุกสมบัน ลุยไปสู่ทางต่างๆ ที่ธุรกันดาร ทั้งขึ้นเขาลงห้วย ลักษณะเด่นคือตัวถังกับล้อที่มีขนาดใหญ่ ตัวแฮนด์จะตรง มีเกียร์เพื่อปรับเวลาไต่เขาลงเขา และมีโช๊คอัพเพื่อลดแรงกระแทกเวลาลงเขา ซึ่งจักรยานเสือภูเขายังมีการจำแนกออกได้เป็นอีก 3 ประเภท ได้แก่
1.1 แบบฮาร์ดเทล – แบบแรกคือ ฮาร์ดเทล โดยแบบนี้จะมีโช๊คอัพติดอยู๋ด้านหน้า และด้านหลังจะไม่มีตัวกันสะเทือน และเป็นที่นิยมมาเพราะราคาไม่แพง แถมเหมะกับบรรดามือใหม่ที่เพิ่งหัดขี่จักรยานเสือภูเขา
1.2 แบบฟูลซัลเพนชั่น – แบบที่สองคือ สำหรับผู้ที่เพิ่มระดับการขี่ขึ้นมา โดยรุ่นนี้จะมีโช๊คอัพทั้งด้านหน้าและหลัง เอาไว้ลุยได้มากกว่าแบบแรก
1.3 ดาวน์ฮิลล์ – แบบสุดท้ายสำหรับมืออาชีพและนักกีฬามืออาชีพที่ต้องตระเวนแข่งไปตามที่ต่างๆ ดาวน์ฮิลล์ เป็นเสือภูเขาที่ทนต่อการกระแทกได้ดีที่สุด แต่ด้วยความหนาแน่นของอุปกรณ์ทำให้ ดาวน์ฮิลล์ มีน้ำหนักเยอะ ดังนั้นผู้ที่ขี่จะต้องมีความแข็งแรงมากพอสมควร
2.จักรยานเสือหมอบ – หากเสือภูเขาถูกสร้างมาเพื่อตะลุย เสือหมอบก็ถูกสร้างมาเพื่อใช้งานบนนถนนทางเรียบโดยเฉพาะ จักรยานเสือหมอบสามารถกดความเร็วได้สูงถึง 50 – 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หากเป็นนักกีฬามืออาชีพ อาจจะทำความเร็วได้ถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลักษณะของล้อและยางเสือหมอบจะมีขนาดเล็ก ตัวโครงจะออกมาแบบให้ลู่ลม ตัวแฮนด์จะต่ำกว่าที่นั่งเพื่อให้ลดการปะทะกับลม
3.จักรยานไซโครคลอส – อาจจะบอกได้ว่าไซโครคลอส เป็นการผสมระหว่าง เสือหมอบและเสือภูเขา เพราะตัวถังนั้นจะมีลักษณะคล้ายเสือหมอบ แต่พวกอุปกรณ์ต่างๆ ที่มากับจักรยานรวมถึงยางจะเป็นแบบเสือภูเขา เลยทำได้สามารถปั่นได้ดีในทางที่วิบาก แต่ตัวถังของไซโครคลอสจะมีน้ำหนักที่เบา ส่วนมากจะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ เลยทำให้มีราคาแพงกว่าจักรยานทั่วไป
4.จักรยานไฮบริด – อีกหนึ่งลูกผสมระหว่าง เสือภูเขาและเสือหมอบ โดย ไฮบริดนั้นจะเอาจุดเด่นของทั้งสองแบบมาผสมกันเพื่อเพิ่มขอบเขตการใช้งานให้กว้างขึ้น โดยส่วนตัวถังกับแฮนด์จะเป็นแบบเสือภูเขา ส่วนขอบล้อจะเป็นของเสือหมอบนั่นก็เพื่อปั่นให้ได้ความเร็ว และยังใช้ชุดเกียร์เดียวกันเสือภูเขา ทำให้ไฮบริด สามารถใช้งานได้ทั้งทางเรียบและปีนเขาลงเขา
5.จักรยานล้อโต – จักรยานขนิดนี้ จะมีขนาดล้อและยางที่ใหญ่กว่าทุกประเภทนั้นก็เพื่อทำให้ผู้ขี่สามารถขี่ได้ทุกสภาพถนน พร้อมกับตัวถังที่แข็งแรงไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ ทางขรุขระ ขึ้นเขาลงเนินรับรองได้เลยว่า จักรยานล้อโตเอาอยู่อย่างแน่นอน
6.จักรยานทัวร์ริ่ง – จักรยานที่ถูกสร้างมาเพื่อใช้สำหรับการปั่นท่องเที่ยวในระยะไกลๆ จุดเด่นคือตัวถังและแฮนด์จะคล้ายกับเสือหมอบ เลยทำให้รู้สึกขี่สบาย มีจุดยึดที่ใช้แบกสัมภาระ ขนาดยางและล้อกลางๆ ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป มีระบบเกียร์ที่เหมือนกับเสือภูเขา เหมาะสำหรับขี่ชมนกชมไม้ เพราะไม่ต้องใช้ความเร็ว และไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยนัก